วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560

ความหวังยังไม่จางหายไป

 ในช่วงเวลาที่เราอยู่ในช่วงอารมณ์ที่มืดมิด บางทีเราก็ต้องการแสงสว่างในใจบ้าง...

พี่สาวผมไปผ่อนคลายหลังทำดิซเซอร์เทชั่น (คล้าย ๆ วิทยานิพนธ์นั่นแหละ) ด้วยการไปเที่ยวที่สก๊อตแลนด์ แน่นอนว่าแหล่งท่องเที่ยวที่นั่นคงไม่พ้นทะเลสาบล็อคเนส ทะเลสาบที่เชื่อกันว่ามีสัตว์ประหลาดนั่นแหละ นางไปที่ร้านของฝาก เลยซื้อวัตถุดังในรูปบนมาให้เรา

ตอนไปรับพี่สาวที่สนามบิน นางก็มอบสิ่งนี้ให้เรา บอกว่าดูจากความหมายของมันที่ระบุในซองใส่แล้วน่าจะเหมาะกับเราดี

...มันคือเครื่องรางที่ชื่อว่า Knot of Hope
แปลเป็นไทยคือ "เงื่อนแห่งความหวัง" นั่นแหละ

เราใส่ไว้ในวันที่เราต้องการความมั่นใจอยู่เสมอ ๆ เช่น วันที่มีพรีเซ้นท์งาน เพื่อให้ทุกอย่างลุล่วงได้ด้วยดี มันทำให้เรามีความหวังว่าสิ่งที่เราทำจะสำเร็จ

แต่อาทิตย์นี้ชีวิตเราจมดิ่งกับความผิดหวัง เราถูกแฟนบอกเลิกด้วยเหตุผลที่ชัดเจน เราไขว้เขวไปจากสิ่งที่เราเคยเป็น มันแย่มากจนต้องหาเพื่อนคุยตอนที่เศร้ายามดึก

เพื่อนสมัยเรียนคนหนึ่งบอกกับเราว่า เราเป็นคนที่สร้างแรงบันดาลใจให้เพื่อนเสมอ แม้ว่าเพื่อนจะเรียนไม่เก่งเท่าเรา แต่เราคอยช่วยเหลือเพื่อนทุกคนตลอดให้ผ่านพ้นไปได้ สอบผ่าน เข้าใจเนื้อหาที่เรียนมากขึ้น ไปจนถึงจุดประกายในความคิดต่อตัวของเขาเอง

เราไม่รู้หรอกนะว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมันเป็นการยอเกินจริงหรือเปล่า แต่เรารู้สึกดีมาก ๆ ที่มีคนเห็นค่าของเรา

"คุณค่าที่เธอมีคือเธอเป็นความหวังให้กับทุกคนที่เข้าหาเธอ"

..."เพราะฉะนั้น อย่าหมดหวังนะ" เพื่อนคนดังกล่าวบอกกับเรา

ขอบคุณกำลังใจที่ให้เราในวันที่เราเหนื่อยล้านะ

เพราะพวกเธอก็เป็นความหวังของเราเหมือนกัน ^_^

ขอบคุณที่รับฟัง
ลงชื่อ
แมวส้ม

ปล. วันที่ 1 เรากลับบ้านไปเช็งเม้งและไหว้พระทำบุญนะ อาจไม่ได้มาอัพบล็อกนะครับ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ด้วย



วันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2560

วันไบโพล่าร์ กับคนป่วยจิตคนหนึ่ง

"ใครรู้บ้างว่าวันนี้วันอะไร ^_^"
"ไม่รู้จริง ๆ หรอ เก๊าเสียจัยยย T^T"

วันนี้ 30 มีนาคม เป็นวันไบโพล่าร์โลก หรือ World Bipolar Day วันที่โลกจะต้องให้ความสำคัญของโรคนี้ด้วยความเข้าใจใหม่ว่าไม่ใช่คนที่เป็นโรคนี้จะต้องฆ่าแกงชาวบ้านด้วยความโหดเหี้ยม หากแต่พวกเขาเสี่ยงตายด้วยน้ำมือตัวเองมากกว่าคนป่วยซึมเศร้าปกติด้วยซ้ำ

โรคไบโพล่าร์นี้มันเป็นยังไง?

ไบโพล่าร์เป็นอาการป่วยที่ทำให้ผู้ป่วยมีความแปรปรวนในอารมณ์สูง อาการจะสลับไปมาระหว่างซึมเศร้า (depressive) กับร่าเริงสุดขั้ว (mania) เนื่องจากการหลั่งสารเคมีในสมองผิดปกติ แต่ไม่ต้องกังวลไปว่าคุณจะอยู่ร่วมกับคนพวกนี้ไม่ได้ เพราะประชากรโลกร้อยละ 2 ป่วยเป็นโรคนี้จ้ะ

แล้วทำไมเราถึงพูดถึงเรื่องนี้...

...เพราะเราป่วยเป็นไบโพล่าร์อยู่ไง

ความเก็บกดในวัยเด็กมันลุกลามมาจนทำให้เรากลายเป็นคนคิดมาก ขี้เครียด ถามเพื่อนแล้วเพื่อนก็บอกว่าอยู่กับมึงแล้วเครียดเลยไม่ค่อยมีใครคบ ประกอบกับเรื่องเพศของเรายังไม่แน่นอนในตอนนั้นทำให้หลายคนมองเราเป็นตัวประหลาด

เราเก็บตัวอ่านหนังสือสอบเข้ามหาลัยเงียบ ๆ เข้าป.ตรีก็ร่วมกิจกรรมนะ แต่ตอนรับน้องนี่ใจไม่สู้เลย อยากตายมาก ๆ การได้มาอยู่คนเดียวจริง ๆ ที่เชียงใหม่มันทำให้เราเครียดตรงที่เราจะใช้ชีวิตยังไงไม่ให้หลุดไปจากกรอบที่ตัวเองสร้างไว้ คือการทำเกรดหรู ๆ ไว้ใช้ในอนาคตหลังเรียนจบ

ขึ้นปี 2 เจอแฟนคนแรกที่ทำให้เรามีความสุขในชีวิตอยู่บ้าง ระหว่างทางแห่งความรักเส้นนี้มันมีบาดแผลทั้งทางกายและใจ เรากรีดข้อมือ ทุบตีตัวเอง เอาหัวโขกกำแพง ทำลายข้าวของและคนรัก แต่พอเลิกกันตอนปี 4 มันไม่ไหวแล้ว มันอยากตายมาก ๆ เลยตัดสินใจไปหาหมอ และแน่นอนว่าต้องบอกว่าอาการแบบนี้ต้องเยียวยาอย่างเร่งด่วน...

...ชีวิตบัดซบมั๊ยล่ะ

ถึงตอนนี้ผ่านมาสามปีหลังจากที่เราเข้ารับการรักษา เปลี่ยนโรงพยาบาล 3 ครั้ง ล่าสุดรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช อาการมีกำเริบบ้าง แต่ก็อยู่ร่วมกับคนอื่นได้ มีความสุขพร้อมความโสด จนกระทั่งเราเพิ่งเลิกกับแฟนคนล่าสุดเนี่ยแหละที่ทำให้เราดีเพรสอีกครั้ง แต่มันไม่ร้ายแรงเท่าตอนที่เลิกกับคนแรกแล้วล่ะ เลยพอจะเข้าใจได้ว่าเขาจากไปเพราะอะไร

อยากฝากถึงทุกคนว่า เรื่องอารมณ์แปรปรวนใครก็เป็นได้ แต่อย่าลืมไปเช็คสุขภาพจิตกันบ้างนะครับ เพื่อชีวิตที่ดีของทุกคน และใครที่เป็นหรือมีญาติที่เป็นโรคนี้ เรามีคอมมูนิตี้ในเฟซบุ๊คนะครับ ที่กลุ่มลานไบโพล่าร์ FC ครับ ที่สำคัญเลยคืออย่าขาดยาและหาใครสักคนคุยด้วยเวลาเหงาหรือเครียดนะครับ

สำหรับวันนี้พอแค่นี้ก่อนล่ะครับ จะไปปั่นวิจัยต่อละ
ขอบคุณที่รับฟังครับ
ลงชื่อ
แมวส้ม

วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560

แนะนำตัวสักเล็กน้อย

ชีวิตบัดซบ!!!
                          --Albert Camus (1913-1960)--

ที่ต้องจั่วหัวแบบนี้เป็นเพราะชีวิตเราแม่งบัดซบจริง ๆ ...

สวัสดีครับทุกคน เราชื่อ "นอร์แบร์โต้" เป็นละอ่อนกำแพงเพชร ผลัดถิ่นไปเรียนป.ตรีที่เชียงใหม่ ตอนนี้กำลังศึกษาต่อปริญญาโทที่ธรรมศาสตร์ครับ สำหรับคณะที่เรียนทั้งป.ตรีและป.โท เป็นสายนิเทศศาสตร์วารสารศาสตร์ทั้งคู่ครับ 

ถ้าได้อ่านถึงตรงนี้อาจจะดูเผิน ๆ เหมือนชีวิตดี ได้เรียนสูง คงไม่เจออะไรเลวร้ายเท่าไหร่...ขอโทษที เราหน้าเหี้ย เตี้ย อ้วนดำ เป็นสิว หุ่นเหมือนก้อนนิ่ว กลิ่นเหมือนหนูตาย แถมตอนนี้เราใกล้จะเบญจเพศแล้ว (ตอนนี้อายุ 24) เจอเรื่องร้าย ๆ มาก็เยอะพอสมควร เดี๋ยวเราจะมาเล่าให้ฟังในวันหลัง ๆ นะ

สำหรับตัวเราเอง เรามีดีแค่เรื่องเรียนเท่านั้นแหละ จบม.6 สายวิทย์-คณิตฯ ด้วยเกรด 3.8 กว่า ๆ ป.ตรีได้เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญเงิน 3.61 เกรดป.โทเทอมแรกนี้ได้ 3.75 (อาจจะอวยตัวเองมากไป ขอหน่อยเหอะ นอกนั้นชีวิตก็ไม่มีอะไรดีเลย) ที่ได้เกรดเยอะอาจเป็นเพราะเป็นคนตั้งใจ ถ้าได้ทำอะไรที่ชอบก็จะทำสุดฝีมือเลยก็ได้

เราอยู่ในครอบครัวที่อบอุ่นมาก ๆ ในตอนนี้ หลังจากที่ครอบครัวเราเจอกับปัญหาวิกฤติครั้งยิ่งใหญ่สมัยเรายังเรียนป.ตรีไม่จบ (เดี๋ยวจะได้เล่าให้ฟัง)และเรามีพี่สาวที่เก่งมาก ๆ เป็นไอดอลในการเรียน เพราะตอนนี้นางถูกตอบรับให้ไปต่อเอกที่อังกฤษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่คว้าทุน สกอ.ไม่นานหลังจากที่จบป.ตรี แล้วจบโทสายมนุษยวิทยาที่อ๊อกซ์ฟอร์ด ถามว่าเรากดดันมั๊ย ไม่กดดันนะ แม้ว่าคนอื่นที่รู้จักครอบครัวเราจะมองว่าเราไม่ก้าวหน้าก็เถอะ

สำหรับตอนนี้ ตีสาม 10 นาทีของวันที่ 30 มีนาคม 2560 เราขอแนะนำตัวแต่เพียงเท่านี้ก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวตอนเย็นจะมาลงเรื่องราวใหม่ ๆ ให้ได้อ่านกันนะ

ขอบคุณที่รับฟัง
ลงชื่อ
แมวส้ม

ความหวังยังไม่จางหายไป

 ในช่วงเวลาที่เราอยู่ในช่วงอารมณ์ที่มืดมิด บางทีเราก็ต้องการแสงสว่างในใจบ้าง... พี่สาวผมไปผ่อนคลายหลังทำดิซเซอร์เทชั่น (คล้าย ๆ วิทยานิพ...